Google

Monday, December 7, 2009

เวียดนาม:Vietnam



การเมืองการปกครองของเวียดนามอยู่ในกรอบของ สาธารณรัฐสังคมนิยมมีพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียว (single-party socialist republic) บทบาทสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามถูกยืนยันในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน(ปี ค.ศ. 1992) แม้ว่าในทางทฤษฎีเวียดนามจะยังคงปกครองด้วยระอบคอมมิวนิสต์ที่มีพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียว แต่การยึดมั่นในอุดมการณ์คอมมิวนิสต์มีความสำคัญน้อยลงกว่าการพัฒนาทางเศรษฐกิจ อันเป็นนโยบายรีบด่วนของชาติ องค์การทางการเมืองทุกองค์การของเวียดนามอยู่ภายใต้การควบคุมของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ไม่มีการแบ่งแยกอำนาจระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการ นโยบายของพรรคคอมมิวนิสต์ถูกกำหนดโดยสมาชิก 14 คนของคณะกรรมการกลางโปลิตบุโร (Politburo) ตำแหน่งสูงสุด 4 ตำแหน่งของคณะกรรมการกลางโปลิตบุโร ได้แก่ ตำแหน่งเลขาธิการพรรค ตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ ตำแหน่งประมุขรัฐ (ประธานาธิบดี)และตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมาชิกของกรรมการบริหารโปลิตบุโรชุดปัจจุบันได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการกลางพรรค(ซึ่งมีสมาชิก 160 คน) เมื่อปี ค.ศ. 2006 สำนักเลขาธิการพรรคซึ่งประกอบด้วยสมาชิกคณะกรรมการกลางโปลิตบุโรจำนวน 8 คน ทำหน้าที่คอยกำกับดูแลการดำเนินนโยบายต่างๆ


เวียดนามตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ. 1858 และเป็นส่วนหนึ่งอินโดจีนฝรั่งเศส (French Indochina) เมื่อปี ค.ศ. 1887 เวียดนามประกาศเอกราชหลังสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ฝรั่งเศสไม่ยอมรับคำประกาศเอกราชนั้นและได้ดำเนินการปกครองเวียดนามต่อไป จนกระทั่งได้พ่ายแพ้ต่อกองกำลังของฝ่ายคอมมิวนิสต์ภายใต้การนำของ โฮจิมินห์ (Ho Chi MINH) ภายใต้ข้อตกลงนครเจนีวาปี ค.ศ.1954 (Geneva Accords of 1954) เวียดนามถูกแบ่งแยกเป็นสองประเทศ คือ ประเทศเวียดนามเหนือของฝ่ายคอมมิวนิสต์ และประเทศเวียดนามใต้ต่อต้านคอมมิวนิสต์ สหรัฐอเมริกาได้ให้ความช่วยเหลือทางด้านเศรษฐกิจและด้านการทหารแก่ประเทศเวียดนามใต้ตลอดทศวรรษปี ค.ศ. 1960 เพื่อสนับสนุนรัฐบาลของเวียมนามใต้ แต่กองทัพของสหรัฐอเมริกาได้ถอนออกจากเวียดนามใต้ตามข้อตกลงหยุดยิงเมื่อปี ค.ศ. 1973 ในอีก 2 ปีต่อมา กองทัพเวียดนามเหนือได้บุกเวียดนามใต้และได้รวมประเทศเป็นหนึ่งเดียวภายใต้การปกครองของคอมมิวนิสต์ แม้ว่าบ้านเมืองจะกลับคืนสู่สันติภาพแล้ว แต่ในช่วง 10 ปีหลังจากนั้น ประเทศเวียดนามก็ยังไม่ฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เพราะผู้นำคอมมิวนิสต์กลุ่มหัวอนุรักษ์นิยมยังดำเนินนโยบายแกร่งกร้าวแบบคอมมิวนิสต์ มีการลงโทษผู้คนที่ต่อต้านคอมมิวนิสต์และส่งผลให้ผู้คนจากทางฟากเวียดนามใต้อพยพออกจากประเทศเป็นจำนวนมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือบรรดาพวกพ่อค้านายวาณิช ทำให้ประเทศเวียดนามต้องอยู่โดยโดดเดี่ยวอยู่ช่วงระยะหนึ่ง แต่ต่อมานับแต่ได้มีการประกาศนโยบาย”ดอยมอย”(การปฎิรูป)ของเวียดนามเมื่อปี ค.ศ. 1986 เจ้าหน้าที่รัฐบาลของเวียดนามก็ได้เร่งสร้างระบบเสรีทางเศรษฐกิจให้บังเกิดขึ้น ได้เร่งปฏิรูประบบโครงสร้างทางเศรษฐกิจต่างๆอันจำเป็นต่อการสร้างความทันสมัยให้แก่เศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนผลักดันให้เกิดอุตสาหกรรมการส่งออกและให้มีการแข่งกันกันในตลาดเสรีมากยิ่งขึ้น กระนั้นก็ตามในภายในประเทศ เวียดนามก็ยังประสบกับปัญหาการประท้วงจากชนกลุ่มน้อยต่างๆอยู่บ้างแต่ไม่ถึงกับรุนแรงมาก เช่น ชนกลุ่มน้อยหลายกลุ่มในตอนกลางของประเทศ และพวกเขมรกรอมในทางภาคใต้ของประเทศ ในปี ค.ศ. 2008 เวียดนาม
เป็นสมาชิกประเภทไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ ในวาระปี ค.ศ. 2008-09

No comments:

Post a Comment

Custom Search

Google